นายธนากร ตันติกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในวันนี้ (12 ตุลาคม 2564) กรมชลประทาน ได้บริหารการจราจรน้ำโดยปรับลดการระบายน้ำลงสู่ด้านท้ายอ่างฯ จากอัตรา 450 เหลือ 200 ลบ.ม./วินาที ก่อนจะรับน้ำส่วนหนึ่งเข้าคลองระพีพัฒน์และควบคุมน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ในอัตรา จาก 676 ลดลงเหลือ 656 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักบริเวณด้านท้ายเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง จุดวัดระดับน้ำที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลดลง มากกว่า 50 ซม.
ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาลดลงตามไปด้วย โดยที่สถานีวัดน้ำท่า C.13 จังหวัดชัยนาท ในขณะที่ได้ลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจาก 2,520 เหลือ 2,428 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มทรงตัวและลดลง ระดับน้ำแม่น้ำน้อยบริเวณ อำเภอผักไห่ เสนา บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำลดลง ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ พระตำหนักและวัดไชยวัฒนาราม ระดับน้ำลดลง
ขณะที่บริเวณ อ.บางไทร ที่เป็นจุดวัดน้ำก่อนไหลผ่านลงสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,817 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 35 ซม. ช่วงระหว่างวันที่ 9-11 ตค. นี้ เป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูง
ทั้งนี้ แม้ว่าระดับน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่ในระยะนี้จนถึงกลางเดือนตุลาคม 2564 ขอให้ติดตามพายุ “คมปาซุ” ในช่วง วันที่ 13-14 ตค นี้ อย่างใกล้ชิด