💢💢พช.สุโขทัย ลุยพื้นที่บ้านโคกกะทือ ชื่นชมผู้นำต้นแบบ เครือข่ายแปลงโคก หนอง นา อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย ต้นแบบฝ่าวิกฤตรอดพ้นมหาอุทกภัย อย่างน่าอัศจรรย์💢💢

• Facebook
• Twitter
• Line

วันที่ 29 กันยายน 2564 เวลา 14.00 น. นายธวัช ใสสม พัฒนาการจังหวัดสุโขทัย ลงพื้นที่แปลงโคก หนอง นา ของนายอดิรุจ แสงชัย ผู้นำต้นแบบ เครือข่ายแปลงโคก หนอง นา อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เพื่อเยี่ยมเยียน และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการแปลงโคก หนอง นา ให้รอดพ้นจากวิกฤติน้ำท่วมในพื้นที่ ซึ่งเป็นแปลงโคก หนอง นา ในชุมชนบ้านโคกกะทือ หมู่ที่ 5 ตำบลวังใหญ่ แห่งเดียวในบริเวณรอบๆนั้นที่ไม่ถูกน้ำท่วมจากผลกระทบน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและแปลงนาของชาวบ้านอย่างน่าอัศจรรย์

โดยนายอดิรุจ แสงชัย ผู้นำต้นแบบ กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่บ้านโคกกะทือ หมู่ที่ 5 ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เป็นปัญหาที่เกษตรกรพบเจอเป็นประจำเกือบทุกปี บางคนก็ต้องกู้หนี้ยืมสินนำมาลงทุน ซ้ำเติมในปีนี้ประสบวิกฤตน้ำท่วมเข้าไปอีก ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ขาดทุน ขาดรายได้ จึงทำให้เกิดแนวคิดทำอย่างไรให้รอดพ้นวิกฤติน้ำท่วม และมีรายได้อย่างเพียงพอในการดำรงชีวิต และไม่เป็นหนี้สิน กอรปกับการได้เข้ารับการอบรมจากหน่วยงานของกรมการพัฒนาชุมชน ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ”โคก หนอง นา พช. ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมากๆที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการมีอาหารและน้ำอยู่ในพื้นที่ทำกิน และหากมีการปฏิบัติตามแนวทางอย่างถูกวิธีก็จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้อย่างยั่งยืน “การทำโคก หนอง นา นั้นคือการจัดแบ่งสัดส่วนพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่ เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีอยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่นั้น ๆ เป็นการที่ให้ธรรมชาติจัดการตัวมันเอง สำหรับแปลงโคก หนอง นา ของผมนั้น ได้ดำเนินการขุดหนองเพื่อเอาดินไปทำโคกโดยสังเกตุทิศทางน้ำ ปริมาณน้ำรอบๆแปลงที่เคยท่วมขังของแต่ละปีเพื่อทำโคกให้เหมาะสมกับพื้นที่ บนโคกจะปลูก “ป่า 3 อย่าง เพื่อได้ประโยชน์ 4 อย่าง” ตามแนวทางในหลวงรัชกาลที่ 9 ปลูกพืช ปลูกผัก สวนครัว เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ทำให้พออยู่ พอกิน พอใช้ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน และขุดหนองน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้งหรือจำเป็น และเป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม (หลุมขนมครก) ขุด “คลองไส้ไก่” รอบพื้นที่ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยขุดให้คดเคี้ยวไปตามพื้นที่เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มชื้น และเพื่อเก็บน้ำเข้าไว้ในพื้นที่ให้มากที่สุด และอีกส่วนหนึ่งก็ทำนาปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้านปลอดสารเคมี ทำให้ปลอดภัยทั้งคนปลูก และคนกิน ส่วนหนึ่งก็นำไปจำหน่ายเป็นข้าวปลอดสารพิษ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว เป็นต้น สิ่งสำคัญมากๆอีกประการหนึ่ง ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การทำโคก หนอง นา ประสบความสำเร็จ คือ “กำลังใจจากครอบครัว” ของตนเอง ซึ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้เราไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ และพร้อมที่จะฟันฝ่าไปด้วยกันจนกว่าจะประสบผลสำเร็จ โดยมีความมุ่งหวังว่าจะพัฒนาพื้นที่ตนเองเป็นต้นแบบเพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้าน ชุมชน ได้มาศึกษาเรียนรู้ กิจกรรมต่างๆที่ตนเองได้ปฏิบัติ เป็นต้นแบบการนำไปสู่ความยั่งยืนในชีวิตต่อไป