ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔

วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๔.๓๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานการประชุม คคบ. ครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ ณ ห้องประชุม ๑ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯโดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเภทห้องชุดคอนโดมิเนียม จำนวน ๒ เรื่อง และเรื่อง ธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป จำนวน ๕ เรื่อง (บริการสถานเสริมความงาม ติดตั้งเหล็กดัดติดตั้งประตูหน้าบ้าน จัดงานขึ้นบ้านใหม่ ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า) ดังนี้

ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จำนวน ๒ เรื่อง

๑. ดำเนินคดีแพ่ง กรณีผู้บริโภคทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดกับโครงการแห่งหนึ่งในราคา ๓,๘๓๐,๐๐๐ บาท เพื่ออยู่อาศัย โดยผู้บริโภคได้ชำระเงินจอง จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท เงินทำสัญญา จำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท และเงินดาวน์ ๒๘ งวด จำนวน ๓๐๕,๖๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น ๓๖๕,๖๐๐ บาท แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid 19) ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบไม่สามารถผ่อนต่อไปได้และไม่สามารถขอพิจารณาสินเชื่อรับมอบห้องชุดตามที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ จึงมีความประสงค์ขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมด กรณีดังกล่าวผู้บริโภคเป็นฝ่ายผิดสัญญา บริษัทฯจึงมีสิทธิริบเงินจองและเงินทำสัญญา จำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท แต่เงินดาวน์ จำนวน ๓๐๕,๖๐๐ บาท ไม่ใช่เบี้ยปรับเป็นการชำระราคาบางส่วน บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิริบเงินดาวน์ และต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคพร้อมดอกเบี้ย
ตามกฎหมาย มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืน เงินจำนวน ๓๐๕,๖๐๐บาทพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๒. ดำเนินคดีแพ่ง กรณีผู้บริโภคจำนวน ๒ ราย ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด เพื่อพักอาศัยกับโครงการแห่งหนึ่ง ราคา ๔,๖๔๐,๐๐๐ บาท โดยชำระเงินจอง จำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท และเงินดาวน์ จำนวน ๓ งวด ๆ ละ ๖,๙๐๐ รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น จำนวน ๔๕,๗๐๐ บาท แต่ผู้บริโภคไม่ไปรับโอนกรรมสิทธิ์ และชำระค่าห้องชุดส่วนที่เหลือ เนื่องจากไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และมีความประสงค์ขอให้บริษัทฯ คืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดกรณีดังกล่าวผู้บริโภคเป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาโดยชอบ จึงมีสิทธิริบเงินมัดจำ ซึ่งได้แก่ เงินจอง และเงินทำสัญญา รวมเป็นจำนวนเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท ส่วนเงินดาวน์ซึ่งเป็นการชำระราคาห้องชุด จำนวน ๒๐,๗๐๐ บาท บริษัทฯ ไม่มีสิทธิริบเงินดาวน์ดังกล่าวโดยต้องคืนให้แก่ผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๒๐,๗๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการ จำนวน ๕ เรื่อง

๑. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคซื้อคอร์สบริการเสริมความงาม และเข้าใช้บริการไปแล้วบางส่วน ต่อมาบริษัทฯ ได้ปิดกิจการจึงมีความประสงค์ให้คืนเงินในส่วนที่ยังไม่ได้ใช้บริการ ต่อมาบริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงจะคืนเงินให้ จำนวน ๖๗,๔๑๐ บาท แต่ปรากฏว่าบริษัทฯ ไม่คืนเงินตามที่ได้ตกลงไว้ กรณีดังกล่าวเมื่อบริษัทฯ ไม่คืนเงินให้ผู้บริโภคตามบันทึกข้อตกลง จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๖๗,๔๑๐ บาท ตามบันทึกข้อตกลงฉบับใหม่พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๒. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างให้บริษัทแห่งหนึ่งติดตั้งเหล็กดัด ณ บ้านพักอาศัย จำนวน ๖ รายการ โดยคู่สัญญาตกลงจ่ายค่าจ้างทั้งหมด เป็นเงินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งผู้บริโภคได้ชำระเงินไปแล้ว จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท และจะชำระส่วนที่เหลือเมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว แต่ปรากฏว่า บริษัทฯ ไม่ดำเนินการติดตั้งประตูสแตนเลส และยังส่งมอบสินค้าไม่ครบถ้วน เป็นเหตุทำให้ผู้บริโภคต้องว่าจ้างบุคคลอื่นเป็นผู้ดำเนินการจนแล้วเสร็จโดยต้องเสียค่าใช้จ่ายได้แก่ ค่างานรั้ว ราคา ๑๕,๐๐๐ บาท และ ค่าเจาะประตู ราคา ๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๑๗,๐๐๐ บาท ดังนั้น บริษัทฯ จึงผิดสัญญาฯ ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และบริษัทต้องชดใช้เงินแก่ผู้บริโภคโดยหักกลบกับเงินตามสัญญาที่ผู้บริโภคยังไม่ได้จ่ายให้แก่บริษัทฯ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท คงเหลือเงินจำนวน ๗,๐๐๐ บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวนี้ถือได้ว่า เป็นมูลค่าความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น เมื่อบริษัทฯ ไม่ยินยอมที่จะชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องจึงเป็นการกระทำละเมิดสิทธิผู้ร้อง มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๗,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๓. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างเป็นหนังสือให้ผู้รับจ้างดำเนินการติดตั้งประตูหน้าบ้าน เป็นเงินจำนวน ๒๘,๐๐๐ บาท โดยจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ ผู้บริโภคได้ชำระเงินมัดจำ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท เมื่อถึงกำหนด ผู้รับจ้างมิได้ดำเนินการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ และได้ติดต่อไปหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงมีความประสงค์ให้คืนเงินมัดจำ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท กรณีดังกล่าวผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาภายในกำหนดจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และไม่คืนเงินมัดจำให้ผู้บริโภคจึงเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๔. ดำเนินคดีแพ่ง กรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทฯ จัดงานขึ้นบ้านใหม่ต่อมาผู้บริโภคได้ติดต่อไปยังบริษัทฯ ก่อนวันที่จะจัดงาน เพื่อขอเลื่อนการจัดงานออกไป เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid 19) และสถานการณ์ดังกล่าวไม่ดีขึ้น ประกอบกับนิติบุคคลหมู่บ้านได้ประกาศไม่ให้จัดกิจกรรมใด ๆ ผู้บริโภคจึงได้ติดต่อไปยังบริษัทฯ อีกครั้งเพื่อขอบอกเลิกสัญญาและขอเงินมัดจำคืนกรณีดังกล่าวสัญญาระหว่างผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภคเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องให้บริการแก่ผู้บริโภค แต่ก่อนถึงกำหนดระยะเวลาให้บริการ ปรากฏว่า ได้มีคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องรับโทษ เป็นเหตุให้ผู้บริโภคไม่สามารถให้สถานที่จัดงานได้ การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และเมื่อการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ได้ บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ต่างตอบแทน เมื่อผู้บริโภคได้แจ้งให้บริษัทฯ คืนเงิน แต่กลับปฏิเสธการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน ๑๐,๘๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

๕. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้นำเครื่องดูดฝุ่น ไปซ่อมที่ร้านซ่อม โดยมีการเรียกเก็บค่ามอเตอร์และค่าแรงจากผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน ๒,๙๐๐ บาท ต่อมาได้ติดต่อไปยังร้านซ่อม แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ภายหลังได้รับแจ้งว่าให้มารับเครื่องดูดฝุ่นคืน และได้เรียกเก็บค่าประกอบเครื่องและค่าตรวจเช็ค เป็นเงิน จำนวน ๕๐๐ บาท และจะขอคืนเงินส่วนที่เหลือให้จำนวน ๒,๔๐๐ บาท โดยผู้บริโภคมีความประสงค์ให้คืนเงินทั้งหมด จำนวน ๒,๙๐๐ บาท สัญญาระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเป็นสัญญาต่างตอบแทน มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ เมื่อผู้บริโภคได้ชำระค่าบริการแล้ว ทางร้านจึงต้องมีหน้าที่ซ่อมเครื่องดูดฝุ่นให้เสร็จโดยเร็ว แต่ทางร้านไม่สามารถซ่อมได้ตามสัญญา ผู้บริโภคจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน ๒,๔๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่๗/๒๕๖๔ ได้มีการดำเนินคดีแพ่งแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภค รวมจำนวน ๗ ราย โดยบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจคืนเงินให้แก่ผู้บริโภคเป็นจำนวนเงิน รวมทั้งสิ้น ๔๒๓,๙๑๐บาท (สี่แสนสองหมื่นสามพันเก้าร้อยสิบบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย