สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 26 ส.ค. 64
+ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
+ แม่น้ำสายหลัก ภาคเหนือ ภาคใต้ และแม่น้ำโขง น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง น้อยถึงปกติ มีแนวโน้มทรงตัว ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก น้ำน้อยถึงปกติ มีแนวโน้มลดลง
+ ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 41,147 ล้าน ลบ.ม. (50%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 36,613 ล้าน ลบ.ม. (51%) เฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 11 แห่ง เฝ้าระวังน้ำมาก จำนวน 1 แห่ง (อ่างฯ นฤบดินทรจินดา)
+ สถานการณ์น้ำหลาก พบสถานการณ์บริเวณ จ.เชียงใหม่ พะเยา และศรีสะเกษ
+ พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม ในช่วง 2-3 วันนี้ บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย บึงกาฬ สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุดรธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และภูเก็ต
+ กอนช. ประกาศเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในช่วงวันที่ 26 ส.ค. – 3 ก.ย. 64 จากอิทธิพลของร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น
ในช่วงวันที่ 25 – 30 ส.ค.64 ประเทศไทยเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตก กอนช. คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ดังนี้
ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น บริเวณภาคเหนือ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยช้าง อ่างเก็บน้ำห้วยแม่งอน และอ่างเก็บน้ำน้ำแหง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำสวย อ่างเก็บน้ำห้วยสหาย อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น อ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง อ่างเก็บน้ำห้วยหินลับ อ่างเก็บน้ำห้วยไร่ อ่างเก็บน้ำห้วยทา อ่างเก็บน้ำห้วยขาหน้า อ่างเก็บน้ำลำตะโคง และอ่างเก็บน้ำห้วยตาเขียว ภาคตะวันออก จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยตู้ 1 อ่างเก็บน้ำทับลาน อ่างเก็บน้ำบ้านมะนาว อ่างเก็บน้ำด่านชุมพล และอ่างเก็บน้ำช่องกล่ำล่าง ภาคใต้ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองหยา และอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ
ระดับน้ำในลำน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเสี่ยงล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำน่าน จ.น่าน จ.อุตรดิตถ์ แม่น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ แม่น้ำแควน้อย จ.พิษณุโลก แม่น้ำปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี แม่น้ำตรัง จ.ตรัง และแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี
กอนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง ปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทราบล่วงหน้าเร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง