กรมฝนหลวงฯ เร่งปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ต้องการน้ำ

​​วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 10.30 น. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ระยะนี้หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณตอนบนของ สปป.ลาว และเวียดนาม ขยับมาใกล้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสในการเกิดฝนมากขึ้น โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้พัฒนาแผนที่ปริมาณฝนสะสม 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าฝนเริ่มตกกระจายตัวมากขึ้น มีปริมาณมากขึ้นครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น แต่บางพื้นที่มีปริมาณฝนน้อยกว่า 10 มิลลิลิตรในพื้นที่ภาคเหนือตอนกลาง ลุ่มเจ้าพระยา ภาคใต้ตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และจากข้อมูลปริมาณน้ำใช้การในแหล่งน้ำจากกรมชลประทาน พบว่าแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่า 30% หรืออยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย มี 17 แห่ง แหล่งน้ำขนาดกลาง 105 แห่งกระจายอยู่ทุกภูมิภาค จึงรณรงค์ให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตร และจากข้อมูลการขอรับบริการฝนหลวงมีจำนวน 792 แห่งครอบคลุม 55 จังหวัด 396 อำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของพื้นที่การเกษตรที่มีความต้องการน้ำ และการเติมน้ำให้กับแหล่งน้ำด้วย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมากที่สุด รองลงมาคือพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่างตามลำดับ

ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรบูรณาการร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอเพื่อไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ เช่น การอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม การรักษาระบบนิเวศ ตลอดจนการจราจรทางน้ำด้วย ผลการปฏิบัติฝนหลวงเมื่อวานนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศและกองทัพบก ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 9 หน่วยปฏิบัติการ ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.พะเยา ลำปาง ตาก กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ พิษณุโลกอุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ราชบุรี เพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 9 แห่ง

สำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวงวันนี้ ผลการตรวจสภาพอากาศในช่วงเช้านี้จากสถานีเรดาร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรพบว่า สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จึงมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่

– หน่วยฯ จ.เชียงใหม่ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.พะเยา จ.แม่ฮ่องสอน จ.ลำปาง และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา

– หน่วยฯ จ.ตาก ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ตาก และพื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล

– หน่วยฯ จ.ลพบุรี ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ลพบุรี

– หน่วยฯ จ.ขอนแก่น ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.ขอนแก่น

– หน่วยฯ จ.นครราชสีมา ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.นครราชสีมา

อย่างไรก็ตาม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ เนื่องจากเครื่องบินกองทัพอากาศตรวจซ่อมพิเศษประจำสัปดาห์ แต่อีก 7 หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ยังคงติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการ สามารถขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายได้ทันที โดยใช้ข้อมูลปริมาณฝนตกสะสม ความชื้นในดินแต่ละพื้นที่ การขอรับบริการฝนหลวง ตลอดจนปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ ประกอบการกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ตรงความต้องการของประชาชน

​ทั้งนี้ พี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวง และติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account: @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100