รมว.พม. นำทีม ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก บูรณาการหน่วยงานขับเคลื่อนโครงการ “บวร” พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง

วันที่ 17 มี.ค. 64 เวลา 10.15 น. ณ วัดหนองกาดำบำรุงธรรม ตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อขับเคลื่อนงานตามภารกิจกระทรวง พม. ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน โดยเป็นประธานเปิดโครงการ “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) พร้อมทั้งมอบความช่วยเหลือต่างๆ ผ่านสวัสดิการสังคมของรัฐ โดยมี นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) พร้อมคณะผู้บริหาร  นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก  ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่  เข้าร่วมงาน

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ ตนได้มาพบปะพี่น้องชาวตำบลพันชาลี จังหวัดพิษณุโลก ในฐานะตัวแทนของรัฐบาล ที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าคือทีมประเทศไทย เป็นการทำงานบูรณาการทุกกระทรวงโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และขอให้ทุกคนทำงานกันเป็นทีมประเทศไทย สำหรับโครงการ “บวร” เป็นนโยบายของรัฐบาล ที่อยากให้ บ้าน วัด มัสยิด โบสถ์ และโรงเรียน ทำงานด้วยกัน เป็นช่องทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างหนึ่ง เพราะว่าการลงทุนกับเยาวชนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด และประเทศไทย เราต้องการคนที่เข้มแข็ง มีทักษะในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้น กระทรวง พม. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาดำเนินการในเรื่องการสร้างอุปนิสัย สร้างทักษะ สร้างความพร้อมให้กับนักเรียนและเยาวชน

ซึ่งไม่ใช่แค่เริ่มต้นที่โรงเรียนมัธยมเท่านั้น แต่ควรเริ่มตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็ก โดยกระทรวง พม. ได้มีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกในการประสานงานกับทุกฝ่ายให้มีการฝึกวินัยเด็กตั้งแต่เล็กๆ ให้สามารถพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะเข้าเรียนอนุบาล ฉะนั้น สิ่งที่เราต้องทำเพิ่มเติม ไม่เพียงแค่ที่บ้าน วัด  มัสยิด โบสถ์ และโรงเรียน เราจำเป็นต้องมีโรงเรียนสอนพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อให้อบรมเลี้ยงดูลูกอย่างถูกวิธี และพัฒนาลูกให้มีคุณภาพที่จะทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้

นายจุติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลได้วางรากฐานว่า กลุ่มเปราะบางทุกครอบครัวที่มี 4 ล้านกว่าครอบครัว จะต้องมีสมุดพกครอบครัว กรณีอยู่ในห้องไอซียูด้านสังคม  มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าแพทย์ มีแพทย์เฉพาะทางรักษาอาการตามภารกิจของแต่ละกระทรวง มีงบประมาณ และดูแลความคืบหน้าเป็นระยะๆ ซึงใน 10 ปีข้างหน้า เราจะทำลายวงจรความยากจน ความเหลื่อมล้ำ วันนี้ มีการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะมีการปรับสมุดพกครอบครัว เพราะปัญหาของแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการเอาใจใส่และการให้เวลากับการแก้ไขปัญหา โดยรัฐบาลมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ เพื่อให้ประชาชนต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เด็กๆ ต้องได้เรียนหนังสือที่มีคุณภาพ มีสวัสดิการของรัฐ มีพื้นฐานปัจจัยสี่ที่จำเป็น มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และห่างไกลจากอบายมุข

นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ มีการมอบความช่วยเหลือต่างๆ ผ่านสวัสดิการสังคมของรัฐ ได้แก่

1) ชุดอุปกรณ์และทุนประกอบอาชีพขายอาหารสำหรับแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวน 1 ราย

2) เงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้พิการ จำนวน 2 หลัง

3) เงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จำนวน 2 หลัง

4) บัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 5 ราย

5) ทุนการศึกษาสำหรับครอบครัวเด็กที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน จำนวน 120 ราย

6) เงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 122 ราย

นอกจากนี้ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านของนายมีชัย เอมอิ่ม ที่ได้รับการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการตามโครงการ Knock Knock พันชาลีห่วงใย ปันน้ำใจ สร้างสุข ซึ่งมีทหารจากค่าย สฤษดิ์เสนา กรมรบพิเศษที่ 4 เข้ามาช่วยซ่อมแซมบ้าน พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น