กระทรวงสาธารณสุขเผยผู้ป่วยโควิด 19 หายกลับบ้านแล้วร้อยละ 97.6 เหลือรักษาจริง 509 ราย สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่ยังเฝ้าระวังเชิงรุกต่อเนื่อง ส่วนผลการให้บริการวัคซีนโควิดรวม 10 วัน ฉีดแล้ว 33,621 ราย ย้ำฉีดวัคซีนแล้วยังต้องใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง เพราะต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิคุ้มกัน จนครอบคลุมประชากร
วันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 และการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 21 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 13 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้การติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 10 มีนาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 22,303 ราย รักษาหายแล้ว 21,769 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.61 เหลือผู้ป่วยรักษาเพียง 509 ราย
นายแพทย์เฉวตสรร กล่าวต่อว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยดีขึ้น ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่หลักสิบต่อเนื่องกว่าสัปดาห์ มีการค้นหาเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เช่น อ.แม่สอด จ.ตาก แม้ภาพรวมคงตัว แต่ยังตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนรายใหม่ โดยวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 7 มีนาคม 2564 ตรวจ 3,039 ราย พบเชื้อ
6 ราย วันที่ 8-9 มีนาคม 2564 ตรวจ 724 ราย ไม่พบการติดเชื้อ ส่วน จ.ปทุมธานี พบการติดเชื้อกลุ่มก้อนแรกในตลาด จากนั้นพบอีกกลุ่มที่โรงชำแหละเนื้อสุกร พบผู้ติดเชื้อรายสุดท้ายวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยพื้นที่พยายามลดความแออัดในตลาด มีบัตรรับรองปลอดโควิดให้ผู้ค้า
“สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวยอดสะสมจนถึงปัจจุบัน มีจำนวน 256,705 ราย พบผู้ติดเชื้อ 2,262 ราย จาก 85 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 0.88 โดยประเทศต้นทางที่มีการติดเชื้อสูง ทำให้ผู้เดินทาง เข้ามามีโอกาสตรวจเจอเชื้อสูงด้วย แต่การพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่กักตัวที่ควบคุมดูแลตามมาตรฐาน ไม่มีการไปสัมผัสคนอื่น เมื่อเจอติดเชื้อส่งเข้ารักษาตามแนวทาง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด” นายแพทย์เฉวตสรรกล่าว
นายแพทย์เฉวตสรรกล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 9 มีนาคม 2564 รวม 10 วัน มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว 33,621 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาขึ้นได้ตามปกติ เช่น ปวดบวมบริเวณที่ฉีด วิงเวียนศีรษะ มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยเนื้อตัว เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการไม่รุนแรงสามารถหายได้เอง โดยมีการรายงานปฏิกิริยาเหล่านี้ผ่านระบบไลน์หมอพร้อม ขณะนี้มีรายงาน 2,984 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.8 ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับผลการศึกษาวิจัยทั่วโลกที่พบถึง 1 ใน 3 ทั้งนี้ เมื่อฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วองค์การอนามัยโลก ย้ำว่า ยังต้องใส่หน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง เนื่องจากต้องใช้เวลาถึงจะเพิ่มภูมิคุ้มกันจนมีความครอบคลุมสูง และประสิทธิภาพของวัคซีนคือป้องกันการเสียชีวิต การป่วยหนัก ส่วนการป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการแพร่เชื้อ ยังต้องรอผลการศึกษาในระยะยาว ดังนั้น หลังฉีดวัคซีนแล้วยังต้องยกการ์ดสูง