ปปง. ยึดอายัดทรัพย์คดียาเสพติดและคดีดังเพิ่มเติม รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

วันที่ 12 มกราคม 2564 พลตำรวจตรี ปรีชา  เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2564 ในวันนี้ ได้มีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนี้

1.รายคดี นายบุญส่ง หงษ์ทอง กับพวก ซึ่งเป็นกรณีที่นายบุญส่งฯ อดีตประธานที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้งสหกรณ์ ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก ร่วมกันกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตหลายครั้ง โดยการนำเงินออกจากสหกรณ์ฯ ไปซื้อที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ เป็นจำนวนมาก และร่วมกันปกปิดการลักทรัพย์โดยการทำเอกสารการกู้เงินปลอมและมติของคณะกรรมการเพื่อปิดบังไม่ให้คณะกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชีทราบถึงการกระทำความผิด อันเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ตามมาตรา 3(14) และ 3(18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรม มีมติเห็นชอบให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 163 รายการ (กระเป๋า แว่นตา และพวงกุญแจแบรนด์เนม) พร้อมดอกผล รวมมูลค่าประมาณ 4,741,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

2.รายคดี กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร กับพวก (เพิ่มเติม) กรณีบริษัท ทีซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (เพิ่มเติม) ซึ่งมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด อันเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการฯ และความผิดเกี่ยวกับการยักยอกอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 7 รายการ (สังหาริมทรัพย์ประเภทเครื่องจอดรถยนต์อัตโนมัติ และ เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) พร้อมดอกผล รวมมูลค่าประมาณ 13,716,609.55 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ ในคดีดังกล่าว สำนักงาน ปปง. ได้มีการสืบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบัน  มีการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 16 ครั้ง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 16,221 ล้านบาท

3.รายคดี นายสุนทร มาเยอ กับพวก ซึ่งนายสุนทรฯ กับพวก เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดและฟอกเงินข้ามชาติของ “นายเชี่ยงมา” หรือ“เฮียช้าง” นักธุรกิจชาวจีน ซึ่งเป็นเครือข่ายฟอกเงินยาเสพติดรายใหญ่ โดยนายสุนทรฯ เป็นผู้ขับรถขนยาเสพติด จำนวน 9,400,000 เม็ด และได้หลบหนีไปในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดอายัดยาเสพติด รถยนต์กระบะ และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายสุนทรฯ ซึ่งพบว่ามีการหมุนเวียนเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท มีพฤติการณ์โอนเงินเข้าออกบัญชีบุคคลอื่นหลายราย ซึ่งเจ้าของบัญชีที่รับโอนหรือที่โอนเข้าส่วนใหญ่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด  และอีกส่วนหนึ่งเป็นบัญชีของผู้ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง เส้นทางการเงินมีทั้งในและนอกประเทศที่ต้องสงสัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 39 รายการ (ห้องชุด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร กองทุนหลักทรัพย์) พร้อมดอกผล รวมมูลค่าประมาณ 11,540,522.54 บาท ไว้ชั่วคราว  มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

พลตำรวจตรี ปรีชาฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเพื่อความสงบสุข ความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดินทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด  สามารถโทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1710

…………………………………….