พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “การยกระดับพยาบาลวิชาชีพในสถานที่ควบคุม” ระหว่าง สภาการพยาบาล และกระทรวงยุติธรรม”

วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. กระทรวงยุติธรรม โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมกับ กรมราชทัณฑ์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การยกระดับวิชาชีพในสถานที่ควบคุม ระหว่าง “สภาการพยาบาล กับ กระทรวงยุติธรรม” โดยมี รองศาสตราจารย์ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล และศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมลงนามฯ วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพผู้ถูกควบคุมตัวในสถานที่ควบคุมให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อเข้ารับการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู และกลับคืนสู่สังคม โดยครอบคลุมทั้งมิติด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย รวมทั้งการส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพเพื่อสนับสนุนขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล

ในการนี้ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการลงนามฯ ว่า “พยาบาลวิชาชีพในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นกรมราชทัณฑ์ หรือกรมพินิจฯ มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานค่อนข้างหนัก เนื่องจากเมื่อเทียบอัตราพยาบาล ๑ คน ในการดูแลผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังมีอัตราค่อนข้างสูง ทั้งนี้ยังพบว่า นอกจากผู้ป่วยในสถานควบคุมจะมีปัญหาเรื่องของสุขภาพกายแล้ว บางคนยังมีปัญหาในด้านสุขภาพจิตร่วมด้วย และในบางครั้งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินยังต้องทำหน้าที่เป็นผู้คุมด้วย ซึ่งถ้ามองแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ เป็นเรื่องของระบบที่จะต้องหาแนวทางในการพัฒนา ซึ่งการยกระดับพยาบาลวิชาชีพในสถานที่ควบคุม เป็นการยกระดับในเรื่องของความรู้ และความก้าวหน้าในวิชาชีพ และการลงนามฯ ในวันนี้ เป็นการยืนยันว่า กระทรวงยุติธรรมนอกจากดูแลผู้ต้องขังแล้ว เรายังดูแลเจ้าหน้าที่ด้วย ขอขอบคุณสภาการพยาบาลเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าการดำเนินการในวันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้วิชาชีพพยาบาลที่ทำงานในกระทรวงยุติธรรมได้รับการยอมรับต่อไป”

 

จากนั้น รองศาสตราจารย์ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล ได้กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ว่า “ยินดีอย่างยิ่งที่กระทรวงยุติธรรมให้เกียรติและร่วมหารือ รวมทั้งแสดงความห่วงใยต่อวิชาชีพพยาบาลที่ปฏิบัติงานในกระทรวงยุติธรรม ทั้งในส่วนกรมพินิจฯ และกรมราชทัณฑ์ พยาบาลวิชาชีพเป็นอาชีพที่ทำงานค่อนข้างหนักและใช้ความเสียสละสูง สำหรับสถานกักกัน เป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยเฉพาะกลุ่มที่แตกต่างจากกลุ่มคนทั่วไป เพราะเป็นกลุ่มที่เข้ามาเพื่อปรับเปลี่ยน ปรับปรุง และกลับคืนสู่สังคม ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องสถานที่และกำลังคน ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้จึงควรได้รับการดูแลและพัฒนา สิ่งที่ได้คือ พยาบาลจะได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น และมีระบบที่ทำให้เขาเติบโต นอกจากนี้ผู้ที่ต้องได้รับการดูแลต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม มีคุณภาพ และมาตรฐานมากขึ้น โดยต้องครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ สังคม จิตวิญญาณ ดังนั้นการเติมความรู้ให้พยาบาล โดยมีหลักสูตรพยาบาลที่ทำงานในสถานกักกัน เป็นเรื่องน่ายินดี แม้จะเป็นหลักสูตรแรก แต่ก็สามารถทำให้เกิดความยั่งยืนได้ สภาการพยาบาลขอขอบคุณกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างมาก รับรองว่าจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย จากนี้เมื่อกลับไปสภาการพยาบาลต้องทำการวิเคราะห์ จัดทำหลักสูตร และสร้างมาตรฐานเพื่อให้น้องๆ พยาบาลวิชาชีพของกระทรวงยุติธรรมได้เข้ารับการอบรม และได้รับการรับรอง มีวุฒิบัตร สภาการพยาบาลยินดีอย่างยิ่งในการการดำเนินงานเพื่อให้เป้าหมายบรรลุตามวัตถุประสงค์”

ในการนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริอร สินธุ อุปนายกสภาการพยาบาล และผู้ช่วยศาสตราจารย์อังคณา สริยาภรณ์ เลขาธิการสภาการพยาบาล พร้อมด้วย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมลงนามฯ เป็นสักขีพยาน โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชและเจ้าหน้าที่จากสภาการพยาบาล กรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจฯ เข้าร่วมพิธีลงนามฯ ดังกล่าวด้วย ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น ๒ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

……………………………………..

กลุ่มประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
02-1413574

ขอบคุณค่ะ 🙏🙏