กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีชาวนาลพบุรี ร้องขอให้สำนักงานชลประทานที่ 10 ช่วยเปิดประตูน้ำด่วน เนื่องจากข้าวที่ปลูกไว้เกือบ 2 หมื่น ไร่ กำลังยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ
นายสุรัช ธนูศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า จากการตรวจสอบของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช พบว่าบริเวณที่อ้างถึงตามข่าวนั้น อยู่พื้นที่ที่ใช้น้ำจากคลองส่งน้ำ 1 ซ้าย – 8 ซ้าย ความยาว 10.680 กิโลเมตร (ช่วงปลายคลอง) ท้องที่ตำบลบางคู้ และตำบลลาดสาลี่ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เกษตรกรได้เพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้วประมาณ 4,200 ไร่ พื้นที่บางส่วนเตรียมแปลงปลูกข้าวโดยวิธีไถและหว่านแห้ง ซึ่งน้ำชลประทานยังส่งไปไม่ถึง และข้าวที่ปลูกไปแล้วมีอายุเฉลี่ยประมาณ 1 เดือน เริ่มมีอาการขาดน้ำ แต่ยังไม่เกิดการเสียหายแก่ต้นข้าว
กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 10 ได้วางแนวทางแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ดังกล่าว โดยการรับน้ำเข้าปากคลองส่งน้ำ 1 ซ้าย – 8 ซ้าย ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2563 ปัจจุบันน้ำได้ไหลไปเป็นระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร ยังไม่ถึงปลายคลอง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ประกอบกับมีวัชพืชขวางทางน้ำ จึงได้ดำเนินการกำจัดวัชพืชในคลองตลอดสาย ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2563 เป็นต้นมา ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 9 กิโลเมตร ใกล้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ ได้ดำเนินการเพิ่มปริมาณการรับน้ำเข้าปากคลองส่งน้ำ 1 ซ้าย – 8 ซ้าย ให้เพียงพอและทันต่อความต้องการ โดยไม่ให้เกิดความเสียหายในพื้นที่ พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดรอบเวรการใช้น้ำ ในคลองส่งน้ำ 8 ซ้าย เพื่อหมุนเวียนการใช้น้ำช่วงต้นคลองและปลายคลอง คาดว่าในช่วงวันที่ 19 – 20 กันยายน 2563 นี้ จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น จากอิทธิพลพายุ “โนอึล” จะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าว ไม่ให้เกิดความเสียหาย ผนวกกับปริมาณน้ำชลประทานจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นในระบบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช จะทำการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในพื้นที่ ในสภาวะขาดแคลนน้ำ เพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี 2563 อย่างใกล้ชิด และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตแต่อย่างใด
………………………………………..
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
18 กันยายน 2563