สนข. เตรียมความพร้อมการจัดทำมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว (3 – 7 กันยายน 2563)

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม (คค.) ผ่านการประชุมทางไกลด้วยระบบ Zoom Cloud Meetings โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมประชุมดังกล่าว

นายชยธรรม์ฯ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2563 กำหนดให้วันศุกร์ที่ 4 กันยายน และวันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563 เป็นวันหยุดราชการชดเชยวันสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2563 จึงทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม 4 วัน ระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายน 2563 และคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก คค. จึงได้มอบหมายให้ สนข. เป็นหน่วยงานหลักเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว โดยให้ถอดบทเรียนอุบัติเหตุในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ผ่านมา โดย สนข. ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลในระบบ TRAMS ของ คค. ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 พบว่า ภาพรวมการอุบัติเหตุบนโครงข่ายถนนของ คค. ระหว่างวันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2563 มีการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น จำนวนรวม 452 ครั้ง เสียชีวิต 72 ราย บาดเจ็บ 365 ราย โดยการขับรถเร็วเกินกำหนดถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุสูง ถึงร้อยละ 74 สาเหตุรองลงมาจากตัดหน้ากระชั้นชิดและหลับใน ซึ่งลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 3 ลำดับแรก ได้แก่ รถชนท้าย รถพลิกคว่ำ และรถชนกันหรือเฉี่ยวชน ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ถนนทางตรงมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด ถึงร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับลักษณะทางประเภทอื่นๆ สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ชลบุรี จำนวน 35 ครั้ง กรุงเทพมหานคร 32 ครั้ง และฉะเชิงเทรา 22 ครั้ง สำหรับอุบัติเหตุในระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ มีรายงานการแจ้งอุบัติเหตุการเดินรถไฟระหว่างเมือง จำนวน 5 ครั้ง  เป็นอุบัติเหตุรถไฟชนกับยานพาหนะอื่นบริเวณจุดตัดทางลักผ่าน จำนวน 2 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน ผู้โดยสารพลัดตกรถไฟ จำนวน 1 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน รถไฟชนกับสัตว์ จำนวน 1 ครั้ง และรถยนต์เสียหลักคร่อมรางรถไฟและกีดขวางการเดินรถ จำนวน 1 ครั้ง

ในการประชุมดังกล่าว นายชยธรรม์ฯ ได้นำเสนอข้อมูลการคาดการณ์ปริมาณการเดินทางของประชาชนด้วยระบบขนส่งสาธารณะในช่วง 5 วัน ระหว่างวันที่ 3 – 7 กันยายน 2563 โดยคาดว่าจะมีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล บนทางหลวงสายหลัก และ Motorway จำนวนรวมประมาณ 5,980,000 คัน บนทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จำนวนรวมประมาณ 4,150,000 คัน และเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ รวมประมาณ 280,000 เที่ยว บริการรองรับผู้โดยสาร รวมประมาณ 8.8 ล้านคน อีกทั้งคาดว่าจะมีผู้เดินทางระหว่างจังหวัดมากขึ้นกว่าช่วงวันหยุดยาวเมื่อวันที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา

นายชยธรรม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยฯ ในช่วงวันหยุดยาว ระหว่างวันที่ 3 – 7 กันยายน 2563 จะยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ตามแนวทางหลักของช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ประกอบด้วย 2 แผนหลัก ได้แก่ แผนรองรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและแผนรองรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง อาทิ การบริการระบบขนส่งสาธารณะต้องเข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ การสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานีโดยสาร ภายในรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือโดยสาร และเครื่องบิน อย่างเข้มข้นและจริงจัง กำกับและควบคุม เพื่อป้องกันจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากการเดินทาง บริหารจัดการจราจรทางถนนให้มีความคล่องตัวและไม่ติดขัดอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในขนส่งสาธารณะรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ในช่วงวันหยุดยาว (3 – 7 กันยายน 2563) โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กำชับและเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

– นำสาเหตุของปัญหาการจราจรติดขัดที่เกิดจากปัญหาคอขวด มาวิเคราะห์จัดทำเป็นข้อมูล เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการการจราจรติดขัดในครั้งต่อไป

– จัดอุปกรณ์และเครื่องมือให้มีความความพร้อม สำหรับใช้ในการเคลื่อนย้ายยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุออกจากพื้นผิวจราจรโดยเร็วที่สุด

– มอบหมายให้กรมทางหลวง และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดช่องผ่านทาง ณ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางบนถนน Motorway และทางด่วนในทุกช่องทาง เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถที่ติดสะสมบริเวณหน้าด่าน พร้อมทั้งมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจน และต้องเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ข่าวสารการยกเว้นค่าผ่านทางให้เข้าถึงประชนชน

– มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถบรรทุกให้งดวิ่งช่วงวันหยุดดังกล่าว และทำการจัดระเบียบการจราจรบริเวณจุดขึ้นเนินต่างๆ โดยรถบรรทุกต้องวิ่งชิดซ้าย

– มอบหมายให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย คืนพื้นผิวจราจร และหยุดงานก่อสร้างในจุดต่างๆ เพื่อลดปัญญาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถในจุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่างๆ

– มอบหมายให้กรมทางหลวง จัดทำป้ายบอกระยะจุดพักรถล่วงหน้า เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงระยะของจุดพักรถ บริเวณจุดพักรถ Rest Area บนถนน Motorway เพื่อให้รถยนต์ที่ไปใช้บริการสามารถใช้ช่องทางด้านขวาได้

– ให้ยังคงรักษามาตรการเฝ้าระวัง COVID – 19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ

เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน นายชยธรรม์ฯ กล่าวตอนท้ายว่า รัฐบาลได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา) และหมายเลข 9 ถนนสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน – บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค (ช่วงพระประแดง – ต่างระดับบางขุนเทียน) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 3 กันยายน 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 8 กันยายน 2563 และยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 6 วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 3 กันยายน 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 8 กันยายน 2563 รวมทั้งเพิ่มการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน – ปากเกร็ด) ในวันที่ 4 กันยายน 2563 และวันที่ 7 กันยายน 2563 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงเวลา 24.00 น. สอบถามข้อมูลข่าวสารการจราจรได้ที่สายด่วน 1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม หรือติดตามข้อมูลผ่าน Application : M Traffic สำหรับเดินทางบน Motorway , Thailand Highway Traffic สำหรับเดินทางบนทางหลวงทั่วประเทศ และ EXAT PORTAL ข้อมูลข่าวสาร กทพ. นอกจากนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดเตรียมพื้นที่จอดรถยนต์โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม จำนวน 120 คัน ณ อาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อรองรับผู้ใช้บริการสนามบิน

……………………………………………