สรุปสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนสิงหาคม 2563

ภาพรวม

ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนสิงหาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.50 (YoY) ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และหดตัวในอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสดที่มีราคาสูงที่สุดในรอบ 13 เดือน เนื่องจากฝนตกชุก และความต้องการเนื้อสุกรยังสูงต่อเนื่องทั้งจากตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ ขณะที่ราคากลุ่มพลังงานเริ่มทรงตัวแต่ยังต่ำกว่าปีก่อน สำหรับสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับปริมาณสินค้า ความต้องการ และการส่งเสริมการขาย ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐาน (เงินเฟ้อทั่วไปที่หักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว) สูงขึ้นร้อยละ 0.30 (YoY)

การปรับตัวดีขึ้นของเงินเฟ้อในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดด้านอุปทานและอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยด้านอุปทานสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ด้านอุปสงค์สะท้อนจากรายได้เกษตรกรที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง เป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มผัก กลุ่มพืชน้ำมัน กลุ่มธัญพืช และกลุ่มปศุสัตว์ รวมทั้งปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ และรถยนต์เชิงพาณิชย์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่ปรับตัวดีขึ้น

สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ เดือนสิงหาคม 2563

ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 0.50 (YoY) ตามการลดลงของสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 1.73 ได้แก่ หมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร ลดลงร้อยละ 4.50 จากการลดลงของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ส่งผลให้สินค้าในกลุ่มพลังงาน ลดลงร้อยละ 9.70 รวมทั้งค่าโดยสารสาธารณะ ลดลงร้อยละ 0.02 (ค่าโดยสารรถไฟลอยฟ้า ค่าโดยสารเรือ) การสื่อสาร ลดลงร้อยละ 0.04 (เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ) หมวดเคหสถาน ลดลงร้อยละ 0.12 (ก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำประปา น้ำยาปรับผ้านุ่ม) หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลดลงร้อยละ 0.04 (เสื้อยืดบุรุษ เสื้อยกทรง เสื้อเชิ้ต) และหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาฯ ลดลงร้อยละ 0.22 (ค่าทัศนาจรต่างประเทศ ค่าห้องพักโรงแรม) ขณะที่หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ 0.31 จากสินค้าบางรายการหมดโปรโมชั่น (ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า ค่าแต่งผมชาย) ส่วนหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ราคาเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.62 ตามการสูงขึ้นของข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ 1.49 (ข้าวสารเหนียว) เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ 3.12 (เนื้อสุกร ไก่สด ปลาหมึกกล้วย) ผักสด สูงขึ้นร้อยละ 13.94 (ผักชี มะเขือเทศ ต้นหอม) เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ 3.09 (น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) ซอสหอยนางรม) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.96 (น้ำอัดลม น้ำหวาน เครื่องดื่มรสช็อกโกแลต) และอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน สูงขึ้นร้อยละ 0.48 และ 0.88 ตามลำดับ (ข้าวแกง/ข้าวกล่อง กับข้าวสำเร็จรูป อาหารแบบตะวันตก อาหารเช้า) ขณะที่ผลไม้ ลดลงร้อยละ 4.99 (ส้มเขียวหวาน มะม่วง องุ่น)  เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลของผลไม้หลายชนิดออกมาพร้อมกันและมีปริมาณมากกว่าช่วงอื่น ๆ

ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 0.29 (MoM) และเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค.)    ปี 2563 เงินเฟ้อทั่วไป ลดลงร้อยละ 1.03 (AoA)  ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงร้อยละ 1.3 (YoY) จากที่ลดลงร้อยละ 2.5 ในเดือนก่อนหน้า ตามความต้องการบริโภคของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดด้านอุปทานที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งดัชนีราคาสินค้าเกษตร ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และอัตราการใช้กำลังการผลิต โดยหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 1.5 ตามราคาตลาดโลกและวัตถุดิบที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (น้ำมันดีเซล น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 น้ำมันเตา) กลุ่มเคมีภัณฑ์ (โซดาไฟ เม็ดพลาสติก) กลุ่มโลหะขั้นมูลฐานและผลิตภัณฑ์ (เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น เหล็กเส้นและเหล็กฉาก) กลุ่มเยื่อกระดาษ ผลิตภัณฑ์กระดาษ (กระดาษพิมพ์เขียน เยื่อกระดาษ) กลุ่มเครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มสิ่งทอ หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 16.4 ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ และแร่ ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดโลก ขณะที่หมวดผลผลิตเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 4.0 เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง ได้แก่ สินค้าในกลุ่มผลผลิตการเกษตร (ข้าวเปลือกเจ้า/เหนียว และอ้อย) พืชผัก (แตงกวา ผักคะน้า ผักกาดขาว) ส่วนผลปาล์มสด และยางพารา ราคาปรับสูงขึ้นจากมาตรการของรัฐเป็นสำคัญ นอกจากนี้กลุ่มสัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์ (สุกร/ไก่มีชีวิต และไข่ไก่) และกลุ่มปลาและสัตว์น้ำ (ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลานิล) ราคาปรับสูงขึ้น

ดัชนีราคาผู้ผลิต เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 สูงขึ้นร้อยละ 0.5 (MoM) และเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค.) ปี 2563 ลดลงร้อยละ 2.2 (AoA)

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือนสิงหาคม 2563 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลงร้อยละ 2.2 (YoY) ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ 1.8 ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีกว่าจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณผลผลิตที่ยังมากกว่าความต้องการ และผู้ประกอบการหลายรายปรับราคาลงเพื่อเร่งระบายสินค้าที่มีการผลิตไว้ล่วงหน้าก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 10.2 (เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ-ผิวข้ออ้อย เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ) หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ 1.9 (เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง พื้นคอนกรีตสำเร็จรูปอัดแรง) หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 0.3 (ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป) ขณะที่หมวดกระเบื้อง สูงขึ้นร้อยละ 1.7 (กระเบื้องแกรนิต) ปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุน หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 1.3 ตามราคาของยางมะตอย เป็นผลจากโรงกลั่นน้ำมันในสิงคโปร์ได้หยุดการผลิต (Shut down) ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง ขณะที่ความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้น หมวดวัสดุฉาบผิว สูงขึ้นร้อยละ 0.6 (สีเคลือบน้ำมัน    สีรองพื้นโลหะ และซิลิโคน) หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 0.4 (ท่อร้อยสายไฟและสายโทรศัพท์พีวีซี ถังเก็บน้ำสแตนเลส) ราคาสูงขึ้นตามต้นทุน หมวดสุขภัณฑ์ สูงขึ้นร้อยละ 0.1 (โถส้วมชักโครก ที่ปัสสาวะเซรามิก กระจกเงา) สำหรับหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ดัชนีราคาโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง

ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2563 ลดลงร้อยละ 0.3 (MoM) และเฉลี่ย 8 เดือน (ม.ค.- ส.ค.) ปี 2563 ลดลงร้อยละ 2.7 (AoA)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนสิงหาคม 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 43.0 เทียบกับระดับ 41.0 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 35.6 มาอยู่ที่ระดับ 36.9 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตเพิ่มขึ้นจากระดับ 44.5 มาอยู่ที่ระดับ 47.0 โดยมีสาเหตุสำคัญจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นทั้งในปัจจุบันและอนาคต

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนกันยายน 2563

อัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายน 2563 ยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ลดลง โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาพลังงานที่เริ่มทรงตัว ความต้องการบริโภคที่เริ่มดีขึ้นจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ และราคาอาหารสดหลายชนิดที่ปรับตัวสูงกว่าปีก่อนตามสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่แปรปรวน ประกอบกับฐานราคาสินค้าหลายชนิดในปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2563 ที่ร้อยละ -1.5 ถึง -0.7 (ค่ากลางอยู่ที่ –1.1)

……………………………………………………….

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

กระทรวงพาณิชย์

3 กันยายน 2563