วันที่ 14 สิงหาคม 2563 ที่อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี (ทุ่งหันตรา) ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมคณะให้การต้อนรับ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ เดินทางมาเพื่อศึกษาเรียนรู้และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เสริมสร้างการตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีพระมหากรุณาธิคุณกับชาวไทยมาอย่างยาวนาน โดยมี นายวิทยา ผิวผ่อง สมาชิกวุฒิสภา มาเป็นวิทยากรบรรยายในครั้งนี้
สถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดโครงการตามพระราชดำริมีหลายสถานที่ โดยเฉพาะที่อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทุ่งหันตรา อนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่รวมจิตใจคนใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 9 และเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลพระราชกรณียกิจที่สำคัญ จำนวน 9 สถานที่ มาไว้ให้ศึกษาเรียนรู้ตามรอยพระราชดำริต่างๆ จากนั้น ได้เดินทางไปดูงาน แปลงนาส่วนพระองค์ ร่วมกิจกรรม “ทำนาถวายในหลวง ปลูกวันแม่เกี่ยววันพ่อ” พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีสุริโยทัย (ทุ่งมะขามหย่อง) ศูนย์ศักยภาพพันธ์ข้าวแปลงโฉนดที่ดินแปลงแรกของประเทศไทย และพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน เกาะเกิด
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ ได้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระอยู่หัว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่าคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยารู้สึกอย่างไร โชคดีที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ท่านอธิการบดีที่พานักศึกษามาร่วมศึกษาดูงานกับพวกเราด้วย เราอยากให้เกิดการตระหนักรู้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระมหากรูณาธิคุณกับคนไทยและประเทศชาติมาอย่างยาวนาน การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อมาศึกษาดูงาน “แปลงนาแห่งแรก” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาดูโครงการในพระราชดำริต่างๆ
รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับศิลปาชีพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย และที่สำคัญคือมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนในพื้นที่เกี่ยวกับความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพราะว่าเป็นเมืองที่สำคัญดำรงความเป็นชาติไทยของเรามาอย่างยาวนาน สถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่คู่ชาติบ้านเมืองเรามาตั้งแต่กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี กรุงรัตนโกสินทร์ เราอยู่ร่วมกันด้วยความภาคภูมิใจ โดยมีพระมหากษัตริย์ เป็นหลักชัย ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงแก้ปัญหาความเดือดร้อน ความทุกข์ ช่วยทำให้พวกเรามีความสุข เราจึงมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษาและดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
………………………………………………