จุรินทร์ เด็ดขาด ! ใครกักตุน-ขายเกินราคา ผิดกฎหมาย หน้าไหนก็ไม่เว้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องหน้ากากอนามัย ต่อคำถามของสื่อมวลชน นั้น

1.ถ้ามีคนครอบครองจริงถึง 200 ล้านชิ้นหรือครอบครองในปริมาณที่กฎหมายห้ามเพราะต้องแจ้งการครอบครองดังนั้น การไม่แจ้งถือว่าผิดกฎหมาย

2.การขายเกินราคาควบคุมถ้าขายเกินราคาก็เป็นอีกหนึ่งข้อหา

3.การค้ากำไรเกินควรก็เป็นอีกหนึ่งข้อหา

นี่คือส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วยและได้ร่วมมาตั้งแต่ต้นและได้กำชับว่าต้องดำเนินการโดยเคร่งครัดไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้นให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเกี่ยวพันถึงเรื่องการส่งออกก็จะต้องจัดการด้วยเพราะเรื่องการส่งออกต้องขออนุญาตและไม่มีการอนุญาคยกเว้นการลักลอบส่งออก ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเข้าไปดำเนินการจัดการดำเนินคดี

และนอกจากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ที่จะเข้าไปติดตามพิสูจน์ว่ามีของกลางจริงหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปร่วมทุกขั้นตอนเพราะได้สั่งการไปแล้วให้ประธานที่เป็นหัวหน้าเข้าไปร่วมในฐานะเจ้าพนักงานส่วนการดำเนินการจะถึงไหนก็ไม่มียกเว้นนโยบายนี้กำชับชัดๆไปยังท่านปลัดกระทรวงแล้ว

” ไม่ว่าจะเป็นใครถ้าเกี่ยวพันและมีการกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการไปตามกฏหมาย” นายจุรินทร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีนายศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องให้เอาออกจากรัฐบาลนั้น ไม่เป็นไรเป็นเราเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การตรวจสอบสามารถทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าต้องการที่จะให้ชี้แจงหรือรับทราบข้อมูลก็ยินดี

” ผมคิดว่าในช่วงระยะเวลาที่ผมมาตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มที่โดยเฉพาะในเรื่องหน้ากากอนามัยและได้ทำงานร่วมงานกับกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด ในการที่จะจัดสรรปริมาณหน้ากากที่มีอยู่อย่างจำกัดเพราะวันนึงผลิตได้ 1.2 ล้านชิ้นและเดือนนึงได้ 36 ล้านชิ้นจำนวนทั้งประเทศมีปริมาณเท่านี้ ถ้าประเทศไทยมี 60 กว่าล้านคน ถ้าต้องการแค่คนละชิ้นต่อเดือนก็ไม่พออยู่แล้ว โดยปริมาณข้อจำกัดด้านการผลิตเพราะฉะนั้นวันละ 1.2 ล้านชิ้น ต้องมาบริหารจัดการให้ดีที่สุด เราร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการมาบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ศูนย์กระจายหน้ากาก ” นายจุรินทร์ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบในการที่จะดูแลเรื่องสัดส่วนที่จะจัดสรรให้กับสถานพยาบาลทุกประเภททุกสังกัดไม่มียกเว้น ทั้งรัฐหรือเอกชน ในส่วน 700,000 ชิ้นเบื้องต้น และอีก 500,000 ชิ้นเป็นส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องแพร่กระจายไปยังร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ ร้านธงฟ้า และกลุ่มเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ถ้าในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ไม่พอก็จะปรับสัดส่วน ซึ่งจะมีการประชุมทุกวันตั้งแต่วันที่ 5-6 มีนาคม ที่ผ่านมาและเมื่อวานก็ได้มีการประชุม หากที่ไหนไม่พอก็จะปรับสัดส่วน นโยบายชัดเจนว่าให้บุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล ผู้ป่วยได้มีโอกาสได้รับก่อน แล้วส่วนที่เหลือค่อยกระจายไปยังประชาชนทั่วทั้งประเทศตามช่องทาง

ซึ่งถ้าจะปรับสัดส่วน เช่น ถ้าโรงพยาบาลไม่พอกระทรวงสาธารสุขก็สามารถที่จะไปพูดกันในที่ประชุมได้ว่าจะขอเพิ่มเป็น 800,000 ชิ้นหรือ 900,000 ชิ้นแต่ต้องเข้าใจว่าทั้งประเทศมีอยู่ 1,200,000 ชิ้นสัดส่วนประชาชนทั้งประเทศก็จะลดลง

อย่างไรก็ตามต้องถือว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับการจัดสรรเป็นลำดับต้นก่อนส่วนประชาชนทั่วไปนั้นรัฐบาลชัดเจนว่าเราส่งเสริมให้ใช้หน้ากากผ้าซึ่งเป็นหน้ากากทางเลือกและซักได้ ซึ่งมีมติอนุมัติเงินไปแล้ว 225 ล้านบาทให้กระทรวงมหาดไทย ในการที่จะไปทำหน้ากากผ้า และส่งเสริมให้เอกชนหรือใครก็ตามใส่หน้ากากผ้า ที่ไม่กำหนดเป็นสินค้าควบคุมเพราะต้องการส่งเสริมให้มีการใช้ทั่วประเทศจะได้ไม่ต้องมาใช้หน้ากากสีเขียว ซึ่งเป็นหน้ากากที่จำเป็นต้องใช้เพื่อบุคลากรทางการแพทย์เป็นสำคัญ

เรื่องต้นทุนการผลิตเรากำหนดราคาขายไว้ด้วยว่าต้องจำหน่ายหน้ากากอนามัยเพื่อการแพทย์ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท ถ้าเกินถือว่าขายเกินราคา และถ้าขายแพงไปกว่านั้นก็ถือว่าค้ากำไรเกินควร จะโดนสองข้อหา ข้อหาขายเกินราคาคือจำคุก 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนขายกำไรเกินควรก็จำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับหรือโดนทั้งสองข้อหา กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ขอให้ทุกท่านได้รับทราบถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจพบที่ไหนหรือประชาชนแจ้งเบาะแสที่ 1569 เร่งรัดในการที่จะดำเนินการจับกุมซึ่งที่ผ่านมาดำเนินคดีไปแล้ว 102 คดี วันนี้จะมีเพิ่มเติมอีก รวมทั้งการค้าออนไลน์ด้วย

คำถาม เรื่องต้นทุนที่ส่งไปยังโรงพยาบาลเรากำหนดว่าโรงงานเมื่อไปส่งโรงพยาบาลจะคิดราคาเกิน 2 บาทไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นต้นทุนที่ควบคุม ถ้าต้นทุนของโรงงานเกิน 2 บาท รัฐบาลจะเข้าไปช่วยดูแลในส่วนรายจ่ายส่วนเกิน ซึ่งวันนี้ตนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ช่วยได้พิจารณานางบกลางจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะชดเชยในส่วนนั้นด้วย เพราะต้นทุนโรงงานตอนนี้เกิน 2 บาทไปแล้วแต่ยังคุมราคา 2 บาทเพื่อนำไปขายให้กับโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้โรงพยาบาลเป็นภาระ ซึ่งเรื่องนี้ทางโรงงานก็รับทราบในวันประชุมร่วมแล้ว