ปปง. เร่งบูรณาการ DSI และ ตร. ดำเนินการกับทรัพย์สินแชร์ Nice Review

วันที่ 23 ธันวาคม 2562 พลตำรวจโท ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการส่งมอบสำนวนคดีแชร์ NICE REVIEW ให้กับพันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมงานดังกล่าว ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

พลตำรวจตรี ปรีชาฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า บริษัท เอนเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดโดยเปิดรับสมัครคนกดไลค์กดแชร์โดยเรียกเก็บเงินค่าประกันการทำงาน ก่อนการทำสัญญาจ้างงาน โดยมีการโฆษณาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทว่าจะให้ค่าจ้างในอัตราที่เพิ่มขึ้น   หากผู้สมัครจ่ายค่าประกันการทำงานในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้ามาสมัครและยอมจ่ายเงินค่าประกันการทำงานในอัตราที่สูง เป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อเข้ามาสมัครและยอมจ่ายเงินค่าประกัน การทำงานในอัตราที่สูงให้แก่ผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก ต่อมาผู้ต้องหาได้มีการจ่ายเงินค่าทำงานให้แก่ผู้สมัครล่าช้า จนมีการขอยกเลิกสัญญาจ้างงานและขอคืนเงินประกันการทำงาน แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมคืนเงินประกันการทำงานให้แก่ผู้สมัครและได้ปิดบริษัทหลบหนีไป โดยในคดีดังกล่าว มีผู้เสียหายจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งสำนักงาน ปปง. จะได้บูรณาการการทำงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ที่ผ่านมาสำนักงาน ปปง. ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและเสนอคณะกรรมการธุรกรรม ซึ่งต่อมาคณะกรรมการธุรกรรม ในคราวประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 12/2562 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ได้มีมติเห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 35 รายการ พร้อมดอกผล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาและกระเป๋าแบนด์เนม เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินในบัญชีกองทุนเปิด และเงินในบัญชีกองทุนรวม) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 174,362,095.45 บาท และเงินสกุลต่างประเทศ ธนบัตรดอลลาร์สิงคโปร์ จำนวน 9,000 ดอลล่าร์สิงคโปร์ และธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐ จำนวน 18,800 ดอลล่าร์สหรัฐ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 175,130,375.45 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ส่วนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอื่นๆ สำนักงาน ปปง. จะได้สืบสวนดำเนินการต่อไปโดยเร็ว

พลตำรวจตรี ปรีชาฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวต่อว่า หลังจากคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แล้ว สำนักงาน ปปง. จะส่งเรื่องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจำนวน ความเสียหาย ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปชดใช้คืนให้ผู้เสียหาย ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าการดำเนินการกับทรัพย์สินในคดีดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง. www.amlo.go.th หรือโทรสอบถามทางสายด่วน ปปง. 1710 ในวันและเวลาราชการ และขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ (1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือ (3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุก  ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พลตำรวจตรี ปรีชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดในคดีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อความสงบสุข ความมั่งคงของประเทศชาติ ภายใต้ปรัชญา การทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง. 1710 หรือผ่านทางคิวอาร์โค้ด

———————————————–