วันที่ 19 ธันวาคม 2562 พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 12/2562 วันที่ 19 ธันวาคม 2562 ได้มีมติอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคดีแชร์ลูกโซ่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 5 รายคดี ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดตามกฎหมาย ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนี้
- รายคดี นางสาววันทนีย์ ทิพย์ประเวช กับพวก หรือ “คดีแชร์แม่มณี”
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางสาววันทนีย์ ทิพย์ประเวช มีพฤติการณ์หลอกลวงชักชวนประชาชนโดยทั่วไปผ่านทางเฟซบุ๊กให้ร่วมออมเงิน (แชร์แม่มณี) โดยกล่าวอ้างผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ลงทุนสูง ร้อยละ 1,116 – 3,040.45 ต่อปี จนมีผู้หลงเชื่อและเข้าร่วมลงทุนกับนางสาววันทนีย์ฯ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงแรกนางสาววันทนีย์ฯ ได้จ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ร่วมลงทุนเพื่อจูงใจให้มีการลงทุนใหม่ในครั้งต่อไป แต่ต่อมา นางสาววันทนีย์ฯ ไม่สามารถคืนทั้งต้นเงินลงทุนและผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้ตามกำหนด เมื่อผู้ลงทุนทวงถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อนางสาววันทนีย์ฯ ได้ เป็นเหตุให้ผู้ลงทุนได้รับความเสียหายจำนวนมาก
มติคณะกรรมการธุรกรรม : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 15 รายการ พร้อมดอกผล (ที่ดินและเงินในบัญชีเงินฝาก) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 56,690,803.51 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
- รายคดี นายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก หรือ “คดีแชร์ FOREX 3D”
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก ใช้เว็บไซต์ www.Forex-3D.com เป็นช่องทางในการหลอกลวงโฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปให้นำเงินไปลงทุนซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (FOREX) โดยเสนอผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 60 – 80 ของเงินผลกำไรที่ได้จากการเทรดฟอเร็กซ์ และประกันเงินต้นที่ร่วมลงทุนร้อยละ 100 อีกทั้งยังมีการชักชวนผ่านระบบแนะนำสมาชิก หากสมาชิกรายใดสามารถชักชวนบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 1 – 5 ของผลตอบแทนของสมาชิกรายใหม่ที่ชักชวนมาร่วมลงทุน ทำให้มีผู้หลงเชื่อและร่วมลงทุน ต่อมาไม่จ่ายผลตอบแทนและไม่คืนเงินทุนตามที่ตกลงกันไว้ ทำให้มีผู้เสียหายจากการร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก
มติคณะกรรมการธุรกรรม : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 9 รายการ พร้อมดอกผล (ที่ดินและเงินฝากในบัญชีธนาคาร) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 90,964,778.24 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
- รายคดี บริษัท เอนเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด กับพวก หรือ “คดีแชร์ NICE REVIEW”
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : บริษัท เอนเนอร์จี ดีดักชั่น จำกัด เปิดรับสมัครคนกดไลค์กดแชร์ โดยเรียกเก็บเงินค่าประกันการทำงานก่อนการทำสัญญาจ้างงาน โดยมีการโฆษณาเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทว่าจะให้ค่าจ้างในอัตราที่เพิ่มขึ้น หากผู้สมัครจ่ายค่าประกันการทำงานในอัตราที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้ามาสมัครและยอมจ่ายเงินค่าประกันการทำงานในอัตราที่สูง เป็นเหตุให้ประชาชนหลงเชื่อเข้ามาสมัครและยอมจ่ายเงินค่าประกันการทำงานในอัตราที่สูงให้แก่ผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก ต่อมาผู้ต้องหาได้มีการจ่ายเงิน ค่าทำงานให้แก่ผู้สมัครล่าช้าจนมีการขอยกเลิกสัญญาจ้างงานและขอคืนเงินประกันการทำงาน แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมคืนเงินประกันการทำงานให้แก่ผู้สมัครและได้ปิดบริษัทหลบหนีไป โดยในคดีดังกล่าว มีผู้เสียหายจำนวนหลายหมื่นคน
มติคณะกรรมการธุรกรรม : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
จำนวน 35 รายการ พร้อมดอกผล (รถยนต์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาและกระเป๋าแบนด์เนม เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร เงินในบัญชีกองทุนเปิด และเงินในบัญชีกองทุนรวม) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 174,362,095.45 บาท และเงินสกุลต่างประเทศ ธนบัตรดอลลาร์สิงคโปร์ จำนวน 9,000 ดอลล่าร์สิงคโปร์ และธนบัตรดอลล่าร์สหรัฐ จำนวน 18,800 ดอลล่าร์สหรัฐ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 175,130,375.45 บาท ไว้ชั่วคราว
มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
- รายคดี นางพันธุ์ทิพา นัยยทิพย์ กับพวก หรือ “คดีแชร์ น้าหลุยส์ร่างทรง”
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางพันธุ์ทิพา นัยยทิพย์ พร้อมพวก ได้ชักชวนผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุนเป็นสมาชิกของสมาคมพัฒนาผู้มีรายได้น้อย กองทุนเกตุกัญญาฟาร์ม และกองทุนน้าหลุยส์ โดยจัดให้มีการประชุมและพูดชักจูงใจผู้เข้าร่วมประชุมให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกโดยบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนสร้างสถานีบริการน้ำมัน ทั่วประเทศ ซื้อเครื่องจักรเพื่อการเกษตร และช่วยเหลือผู้ที่ไร้โอกาสทางสังคม โดยอ้างว่าสมาชิกฯ จะได้รับผลตอบแทนในอัตราสูง รวมทั้งมีการนำภาพหญิงชราแต่งกายคล้ายนักบวชมากล่าวอ้างว่าเป็น น้าหลุยส์ หรือ หม่อมหลุยส์ หรือพันโทพันธุ์ทิพา นัยยทิพย์ ซึ่งทำงานในวัง และจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนจน และยังกล่าวอ้างว่าเงินที่นำไปลงทุน จะเอาไปเสียภาษีเพื่อนำเงินในวังออกมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกกองทุนน้าหลุยส์ นอกจากนี้เงินที่ได้รับจากสมาชิกทางสมาคมจะนำไปช่วยในงานพระราชพิธีของในหลวง ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อเข้าร่วมรับฟังและร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก
มติคณะกรรมการธุรกรรม : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 9 รายการ พร้อมดอกผล (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 788,017.10 บาท
ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
- รายคดี นางสาววาณี วีรศักดิ์ธารา กับพวก
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางสาววาณี วีรศักดิ์ธารา พร้อมพวก แอบอ้างว่าตนเองเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทใหญ่ของต่างประเทศ โดยชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจซื้อขายรถยนต์ ซึ่งนางสาววาณีฯ อ้างว่าตนได้รับโควต้ารถยนต์จากสำนักงานใหญ่ เป็นล็อตจำนวนหลายคัน ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ร้อยละ 10 สามารถนำไปจำหน่ายเพื่อให้ได้กำไรและแบ่งประโยชน์ให้กับผู้ร่วมลงทุนได้ เมื่อผู้ลงทุนหลงเชื่อและโอนเงินให้ กลับไม่ได้รับรถยนต์ตามที่ตกลงและไม่ได้รับเงินคืน โดยนางสาววาณีฯ ได้มีการทำธุรกรรมเป็นเงินจำนวนมากไปยังบัญชีธนาคารของผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ และบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย และได้มีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนในธุรกิจซื้อขายรถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริงไปใช้ในการลงทุนธุรกิจค้าขายอะไหล่ จากนั้นจึงนำเงินจากธุรกิจดังกล่าวหมุนเวียนเข้าไปในธุรกิจรถยนต์ โดยได้กระทำในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด
มติคณะกรรมการธุรกรรม : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 86 รายการ พร้อมดอกผล (กรรมสิทธิ์ห้องชุด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง)
รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 260,295,019.26 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
หลังจากคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 แล้ว สำนักงาน ปปง. จะส่งเรื่องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ผู้เสียหายมายื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจำนวนความเสียหาย ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปชดใช้คืนให้ของผู้เสียหาย ทั้งนี้ ผู้เสียหายสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าการดำเนินการกับทรัพย์สินในคดีดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน ปปง. www.amlo.go.th หรือโทรสอบถามทางสายด่วน ปปง. 1710 ในวันและเวลาราชการ และขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ (1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือ (3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พลตำรวจตรี ปรีชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้น มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อความสงบสุข ความมั่งคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไขด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน ปปง. 1710 หรือผ่านทางคิวอาร์โค้ด