วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00 น. นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ครบรอบ 47 ปี โดยมี ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้าง กทพ. ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม 2301 สำนักงาน กทพ. จตุจักร
ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ กทพ. ได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน โดยปัจจุบัน กทพ. ได้เปิดให้บริการทางพิเศษรวม 8 สายทาง รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วย ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
ปัจจุบันการทางพิเศษฯ อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ซึ่งจะเป็นโครงข่ายทางพิเศษที่เชื่อมโยงการเดินทางในแนวรัศมีระหว่างกรุงเทพมหานครกับพื้นที่ทางด้านตะวันตกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจากจังหวัดในภาคใต้ให้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยระดมทุนผ่านกองทุน TFFIF ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเงินมาใช้ในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2565 นอกจากนี้การทางพิเศษฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและ ทางพิเศษสายบางนา – อาจณรงค์ (S1) กับการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางเรือที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ รวมถึงโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 เชื่อมไปยังถนนวงแหนวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก โครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร และโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนดำเนินการศึกษาโครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี โครงการทางเชื่อมต่อทางพิเศษบูรพาวิถีและถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ตลอดจนศึกษาแผนแม่บท ทางพิเศษในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น อีกด้วย
นอกเหนือจากภารกิจในการแก้ไขปัญหาจราจรแล้ว กทพ. ยังมุ่งมั่นตอบแทนคืนสู่สังคม โดยดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในหลากหลายมิติ อาทิ กิจกรรม “แบ่งปันรอยยิ้ม แด่น้องริมทางด่วน” โครงการ “ทางพิเศษคู่ใจ สู้ภัยหนาว” และโครงการ “กล่องวิเศษ ทางพิเศษรักษ์โลก” รวมทั้งการจัดพื้นที่ในเขตทางพิเศษเพื่อจัดทำสวนสาธารณะ ลานกีฬาและเส้นทางลัด เป็นต้น
“การทางพิเศษฯ จะยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาจราจร รวมถึงลดการสูญเสียพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง โดยการทางพิเศษฯ ได้ทดสอบการยกเลิกไม้กั้นช่องทางที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอโศก 3 (ออกเมือง) และ อโศก 4 (เข้าเมือง) และจัดเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วผ่านทางหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ มอบหมายให้การทางพิเศษฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ ซึ่งหลังจากการทดลองมาตราการดังกล่าว พบว่าสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดบริเวณหน้าด่าน เก็บค่าผ่านทางพิเศษ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การทางพิเศษยังได้เตรียมลดค่าผ่านทางจำนวน 5 บาทต่อเที่ยว ใน 6 ด่าน สำหรับผู้ใช้บัตร Easy Pass ในช่วงเวลา 04.00 – 07.00 น. ของทางด่วนขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 ประกอบด้วย ด่านฯดินแดง ด่านฯ ดาวคะนอง ด่านฯ บางนา ด่านฯ บางจาก ด่านฯ ประชาชื่นขาเข้า และ ด่านฯ อโศก 4 เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยจะเริ่มลดค่าผ่านทางตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2563 เพื่อเป็นการลดความแออัดบริเวณหน้าด่าน และจูงใจให้คนหันมาชำระค่าผ่านทางด้วยระบบอัตโนมัติมากขึ้น และล่าสุดการทางพิเศษฯ ได้ร่วมกับทรู มันนี่เปิดบริการสมัครบัตร Easy Pass ผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ โดยจะจัดส่งอุปกรณ์ Easy Pass ให้ถึงบ้านและไม่เก็บค่าธรรมเนียมบัตร ถึงวันที่ 13 ก.พ. 2563 คาดว่าจะทำให้คนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น 10 – 15% จากฐานลูกค้าของทรู มันนี่มีอยู่ประมาณ 8.5 ล้านคน” ดร.สุชาติฯ กล่าวในท้ายที่สุด